โบราณสถานและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของลพบุรี
พระปรางค์สามยอด

พระปรางค์สามยอด ตั้งอยู่ในตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี ใกล้กับศาลพระกาฬ เป็นโบราณสถานแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ช่วงปีพุทธศตวรรษที่ 17 ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธสถานในลัทธิวัชรยานประจำเมืองละโว้หรือลพบุรีในปัจจุบัน มีลักษณะเป็นพระปรางค์ 3 องค์เรียงต่อกันเป็นแนวจากเหนือจรดใต้ เชื่อมต่อกันด้วยมุขกระสัน หันหน้าทางทิศตะวันออกรูปแบบศิลปะแบบบายนของเขมร โครงสร้างเป็นศิลาแลงประดับด้วยปูนปั้น แต่เดิมภายในปราสาทประธานประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรกทรงเครื่อง ปราสาททิศใต้เป็นที่ประดิษฐานรูปพระโลเกศวร และทางทิศเหนือประดิษฐานรูปพระนางปรัชญาปารมิตาสองกร ต่อมาได้มีการดัดแปลงเป็นเทวสถานโดยมีฐานศิวลึงค์ปรากฎอยู่ในพระปรางค์ทั้งสาม จนกระทั่งในรัชสมัยพระนารายณ์มหาราชได้มีการบูรณะปฎิสังขรณ์พระปรางค์สามยอดให้เป็นวัดในพุทธศาสนา มีการประดับ ทางด้านทิศตะวันออกของปราสาทมีการก่ออิฐต่อเติมเป็นวิหารเชื่อมกับตัวปราสาทประธานเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดใหญ่ศิลปะแบบอยุธยาตอนต้น ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย และสร้างวิหารศิลปะผสมผสานรูปแบบสถาปัตยกรรมอยุธยาผสมยุโรปในส่วนของประตูและหน้าต่าง พระปรางค์สามยอดเปิดให้เข้าชมทุกวันยกเว้นวันจันทร์-อังคาร ระหว่างเวลา 06.00-18.00 น. บัตรค่าเข้าสำหรับชาวไทย 10 บาท และ ต่างชาติ 50 บาท สามารถโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 036-412510 หรือ 036-413779

ศาลพระกาฬ
ตัวเมืองลพบุรีมีศาลหลายแห่ง แต่ศาลซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองต้องที่นี่ ศาลพระกาฬ คาดว่าอดีตตั้งแต่สมัยละโว้บริเวณนี้เป็นสถานที่สร้างพระปรางค์ อาจสร้างไม่เสร็จหรือสร้างเสร็จแล้วแต่พังทลายลงมาไม่ปรากฏหลักฐาน ที่แน่ๆ คือเหลือเพียงเศษซากฐาน ต่อมาสมัยสมเด็จพระนารายณ์มีการสร้างศาลเทพารักษ์บนฐานพระปรางค์แห่งนี้ และมีการบูรณะในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ก่อนการซ่อมแซมที่ทำให้เกิดศาลรูปแบบล่าสุดคือเมื่อปี พ.ศ. 2495 ภายในศาลเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าพ่อพระกาฬ พิจารณาจากลักษณะน่าจะเป็นเทวรูปพระวิษณุ หรือไม่ก็พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ศิลปะละโว้ แต่เดิมรูปหล่อเจ้าพ่อพระกาฬมีสีดำ ไร้เศียร ไร้พระกร แล้วค่อยบูรณะต่อเติมเศียรและพระกรขึ้น ชาวบ้านมากราบไหว้ปิดทองจนกลายเป็นสีทองอร่ามทั้งองค์ ว่ากันว่าแต่ละปีมีผู้แวะเวียนมาสักการะเจ้าพ่อพระกาฬหลายแสนคนเชียว
: อยู่กลางวงเวียนศรีสุนทร บนถนนนารายณ์มหาราช หรือวงเวียนแห่งที่สาม ระหว่างทางเข้าตัวเมืองลพบุรีจากถนนพหลโยธิน
บ้านวิชาเยนทร์

บ้านวิชาเยนทร์ หรือ บ้านหลวงรับราชทูต สร้างขึ้นเพื่อใช้ต้อนรับคณะทูตจากประเทศฝรั่งเศสชุดแรกที่เข้ามาในกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ.2228 ในสมัยแผ่นดินของสมเด็จพระนารายณ์ อีกทั้งยังเป็นบ้านพักที่เมืองลพบุรีของท้าวทองกีบม้า กับสามี เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ หรือ หลวงสุรสาคร (คอนสแตนติน ฟอลคอน) สมุหนายกชาวกรีก คนโปรดของสมเด็จพระนารายณ์ อีกด้วย


คอนสแตนติน ฟอลคอน คือชื่อเดิมเมื่อครั้งท่านเข้ามารับราชการ ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “เจ้าพระยาวิชาเยนทร์” ด้วยเพราะทำความดีความชอบไว้มาก และได้รับพระราชทานที่พักอาศัยให้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของบ้านหลวงรับราชทูต จึงเป็นที่มาของชื่อบ้านวิชาเยนทร์ นั่นเอง

ในปัจจุบัน บ้านวิชาเยนทร์เหลือเพียงซากปรักหักพัง ซึ่งอยู่ในรั้วรอบขอบชิด มีประตูเปิด-ปิด ภายในยังมองเห็นโครงสร้าง ที่แบ่งได้เป็นสามส่วนคือ ส่วนทิศตะวันตก ส่วนกลาง และส่วนทางทิศตะวันออก
- ส่วนทิศตะวันตก สันนิษฐานว่าเป็น บ้านพักของพระยาวิชาเยนทร์และท้าวทองกีบม้า เป็นกลุ่มอาคาร ได้แก่ ตึก 2 ชั้นหลังใหญ่ ก่อด้วยอิฐ และอาคารชั้นเดียว แคบยาว ซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม
- ส่วนกลาง สันนิษฐานว่าเป็นหอระฆัง และ โบสถ์ศาสนาคริสต์ ซึ่งถือเป็นโบสถ์หลังแรกของโลก ที่ตกแต่งด้วยลักษณะของโบสถ์ทางพระพุทธศาสนา ผสมผสานสถาปัตยกรรมยุโรปยุคเรเนซองส์
- ส่วนทิศตะวันออก สันนิษฐานว่าเป็ณ บ้านพักรับรองเหล่าคณะทูต ประกอบด้วย กลุ่มอาคารใหญ่ 2 ชั้น มีบันไดขึ้นทางด้านหน้าเป็นรูปครึ่งวงกลม แสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมแบบยุโรป โดยเฉพาะหน้าต่างและซุ้มประตู เป็นศิลปะแบบเรอเนสซองส์

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
- https://travel.mthai.com/blog/174085.html
- http://www.lopburitravel.com/page-7
- https://travel.mthai.com/region/176712.htm
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น